ข้อมูลล่าสุดเดือน Feb 2023 มาเรียนต่อประเทศออสเตรเลียไม่ได้บังคับว่าจะต้องโชว์ statement สามารถโชว์หนังสือรับรองทางการเงินที่เรียกว่า แบงค์การันตีได้ (Bank Guarantee) ซึ่งจะโชว์เท่าไรนั้นขึ้นอยู่กับจำนวนระยะเวลาที่ลงเรียน ยกตัวอย่าง เช่น เรียนภาษา 6 เดือน จะได้วีซ่าเพิ่มเป็น 8 เดือน ควรมีเตรียมไว้สักอย่างต่ำ $20,000 – $25,000 คิดเป็นเงินไทยคร่าวๆประมาน 500,000 – 700,000 ขออนุญาตใช้เรท $1 = 25 บาท นะคะน้องๆสามารถใช้ลิ้งข้างล่างลองคำนวน และสำรวจตัวเองดูนะคะว่าใช้เงินกันเท่าไร ราคานี่พี่คำนวนการใช้จ่ายแบบถูกไปจนถึงปานกลางให้ อย่าลืมนะคะว่าค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับบุคคล ใช้น้อยใช้มากสำหรับตัวเองดูนะคะ

https://costofliving.studyaustralia.gov.au

ต่างกันแน่นอนค่ะ หลักสูตรภาษาอังกฤษทั่วไป หรือ General English คือหลักสูตรเริ่มต้น ขั้นพื้นฐาน เรียกได้ว่ายอดนิยมสำหรับน้องๆที่สนใจมาเรียนต่อประเทศออสเตรเลีย หลักสูตรนี้เหมาะสำหรับน้องๆที่ไม่ได้ภาษา อยากปรับพื้นฐานภาษาให้แน่นขึ้น และเหมาะสำหรับน้องๆที่อยากมาหาประสบการณ์เรียนระยะสั้นก่อนจะตัดสินใจอยู่ต่อหรือกลับบ้าน หลักสูตรนี้ลงได้ขั้นต่ำ 3 เดือน สำหรับน้องๆที่มาวีซ่าท่องเที่ยวแล้วอยากลองเรียน แต่ถ้าอยากเรียนมากกว่า 3 เดือนต้องมาเรียนโดยวีซ่านักเรียนนะคะ

ส่วน Diploma จะเป็นเหมือนคอร์สวิชาชีพ เทียบกับบ้านเราก็คือ ปวส เราจะเลือกคอร์สนี้ได้ก็ต่อเมื่อเรารู้เป้าหมายของเราแล้วว่าเราอยากเรียนอะไร อยากเน้นหลักสูตรวิชาชีพไหน น้องๆที่เลือกคอร์สนี้จะต้องมีความเชี่ยวชาญทางด้านภาษาอังกฤษมาระดับที่ฟังเข้าใจ พอสื่อสารได้ หรือ ได้ คะแนนไอเอล 5 ขึ้นไปนั้นเอง ถึงจะมีสิทธิ์สมัครเรียนได้

ปัจจุบัน ปี 2023 น้องๆจะนิยมลงภาษามาก่อนสำหรับคนที่ไม่ได้ภาษา และพ่วงกับคอร์สวิชาชีพสุดท้าย

ไม่ยากเลยค่ะ ต่อวีซ่าในประเทศออสเตรเลีย (onshore) ง่ายกว่าทำวีซ่ามาจากไทย เพราะการต่อคือการที่เรา continued หรือต่อเนื่องจากจุดประสงค์หลักตั้งแต่เริ่มต้นทำวีซ่ามาเรียนจากไทยแล้วค่ะ เลยทำให้การต่อวีในประเทศเป็นเพียงการอัพเดทข้อมูลใหม่ที่เรามีเข้าไปแค่นั้นเอง เอกสารหลักๆยังใช้อิงและใช้จากอันเดิมที่ยื่นมาจากไทย แค่ต้องอัพเดท CoE จากโรงเรียนใหม่ อัพเดท GTE และทำการยื่นวีซ่าเข้าไปในระบบใหม่ เท่านั้นเอง

หลักๆเลยนะคะ วีซ่านักเรียนคือการเรียน full time ซึ่งการเรียน full time นั้นคือสัปดาห์ละ 20 ชั่วโมง โดยทุกๆโรงเรียนจะใช้หลักการนี้หมด ทีนี้วันและเวลาของแต่ละที่อาจจะแตกต่างกันไป เช่น

โรงเรียน A เปิดทำการเรียนการสอน 3 วัน คือ จันทร์ อังคาร พุธ โดยแบ่งเป็นสองช่วงการเรียน คือ ช่วงเช้า เวลา 8.30am ถึง 15.30pm และช่วงบ่ายคือ 4.30pm – 9.30pm รวมทั้งหมด 7 ชม/วัน สิริรวม 20 ชม/สัปดาห์

โรงเรียน B เปิดทำการเรียนการสอน 5 วัน คือ จันทร์-ศุกร์ โดยแบ่งเป็นสองช่วงการเรียน คือ ช่วงเช้า เวลา 9am ถึง 12.30 ช่วงบ่าย 1.30pm ถึง 4.30pm สิริรวม 20 ชม/สัปดาห์

สรุปไม่ว่าจะเรียนกี่วัน เวลาไหน น้องๆต้องเรียนให้ครบ 20 ชม/สัปดาห์ค่ะ

การจะทำวีซ่านักเรียนต้องหาข้อมูลก่อนเลยค่ะว่าเราอยากมาเรียนที่ไหน ประเทศที่ให้เราไปเรียนภาษาอังกฤษและใช้ชีวิตมีอยู่เยอะมากๆ ต้องทำการบ้านสำรวจความต้องการตัวเองก่อนเลยอันดับแรก ถ้าต้องเน้นเรียนอย่างเดียวการมาออสเตรเลียอาจจะไม่ได้เหมาะสมเท่าไร และถ้าเน้นเรียนชิวๆใช้ชีวิต อาจจะมีทำงานบ้าง แคนาดา อเมริกา อังกฤษ อาจจะไม่ตอบโจทย์ พอเราสำรวจความต้องการตัวเองแล้ว ก็มาสำรวจงบประมาณที่เรามีว่าพอจะไปที่ไหนได้บ้าง ออสเตรเลียตอบโจทย์มากๆสำหรับน้องๆที่ทุนเรียนไม่ได้เยอะ ให้สิทธิ์น้องๆได้ลองทำงาน part-time ได้ลองใช้ชีวิต ถึงขึ้นตอนนี้เรารู้แล้วว่าต้องไปต่อยังไง ทีนี้ก็เริ่มหาเอเจ้นได้เลย น้องๆต้องเลือกเอเจ้นที่มีใบประกอบวิชาชีพนะคะ คือมีเลข QEAC ได้รับการรับรองจากประเทศออสเตรเลีย จะได้ไม่เวลาและเสียใจว่าเราเลือกเอเจ้นผิด

ปัจจุบันวีซ่านักเรียน หรือวีซ่าอื่นๆของออสเตรเลียทำการยื่นวีซ่าผ่าน online สะส่วนใหญ่ โดยยื่นผ่านระบบ Immi Account เราต้องทำการสมัครลงชื่อใช้งานและกรอกข้อมูลผ่านระบบ แนบเอกสาร ติดต่อเจ้าหน้าที่ผ่านช่องทาง immi account นี้เลย ง่าย สะดวก ปลอดภัย ไม่ซับซ้อน

🔴ผลิตภัณฑ์จากนม เช่น นม ชีส โย เกิร์ต และเนย
🔴ไข่ และผลิตภัณฑ์จากไข่ เนื้อสัตว์ สัตว์มีชีวิต
🔴ผักและผลไม้
🔴อาหารทำเองจากที่บ้าน (ไม่ใช่อาหารที่จัดเตรียมและใส่บรรจุภัณฑ์เชิงพาณิชย์)
🔴อาหารหรือของว่างที่ได้รับบนเที่ยวบิน
🔴ต้นไม้ เมล็ดพืช ดอกไม้ (ทั้งแบบสดและแห้ง)
🔴ข้าว ข้าวสาลี
🔴ดิน เศษดินติดอุปกรณ์หรือรองเท้า
🔴อุปกรณ์กีฬาหรือตั้งแคมป์ที่สกปรกหรือเปียก
🔴ยาแผนโบราณและยาที่มีส่วนผสมของ
🔴สมุนไพรผลิตภัณฑ์จากสัตว์ หรือเห็ดสมุนไพรแห้ง

สรุปง่ายๆออสเตรเลียเป็นเกาะ มีสัตว์ป่าสายพันธุ์หายากเยอะมาก อะไรที่เอาเข้ามาแล้วจะนำมาปนเปื้อน นำเชื้อโรค หรือพืชเอเลี่ยน เขาจะไม้อนุญาตให้เอาเข้าเด็ดขาด

ได้ค่ะ ไม่เก่งภาษานั้นแหละที่ต้องมาเรียน เพื่อเราจะได้พัฒนาตัวเองขึ้นไป

ได้ค่ะ ปัจจุบันนักเรียนทำงานได้ 40 ชม/สัปดาห์ ก็คือ full time นั้นเอง เนื่องด้วยสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 แต่หลังจากวันที่ 30 Jun 2023 เป็นต้นไปกฏหมายจะกลับมาเหมือนเดิมแล้วคือ ทำงานได้แค่ 20 ชม/สัปดาห์

ปัจจุบันโรงเรียนภาษาในออสเตรเลียทุกที่แทบจะมีน้องๆคนไทยไปเรียนอยู่ โดยเฉพาะสถาบันดังๆ ถ้าจุดประสงค์เราไม่ได้อยากเจอคนไทยเยอะ ให้เลือกไปเรียนสถาบันที่ไม่ได้ติดตลาดคนไทยเยอะมาก แต่บอกเลยค่ะว่าช่วงนี้ยากมากที่จะหา โรงเรียนสอนภาษาที่ไม่มีคนไทยเลย

ประกันสุขภาพ หรือ Overseas Student Health Cover (OSHC) ถูกบังคับว่านักเรียนทุกคนที่มาเรียนที่ประเทศออสเตรเลียจะต้องซื้อให้ cover กับระยะเวลาที่เรียนและได้วีซ่า ซึ่งสำคัญมากเวลาเราเกิดเจ็บป่วยที่นี้ค่ารักษาพยาบาลทั่วไปรวมถึงเคสด่วน emergency ก็สามารถเบิกได้ทั้งหมด ช่วยประหยัดเงินเราไม่ให้เราต้องมาเสียค่ารักษาพยาบาลแพงๆ แค่ถ้าน้องๆจะทำฟัน รักษาฟัน หาหมอผิวหนังตรงนี้ไม่ cover นะคะต้องจ่ายเอง

บินได้เลยค่ะ เราทำการเดินทางได้ทันทีหลังวีซ่าออก ยกตัวอย่าง น้อง A วีซ่าออกวันที่ 12 Mar 2023 หลังจากได้รับตัววีซ่า granted จากทางสถานทูตก็สามารถบินได้ทันทีเลย

และไม่ต้องมีอะไรติดที่หน้า passport เพราะทุกอย่างออนไลน์หมด แค่ใช้ตัวหน้าวีซ่า granted และเลข passport เรา เจ้าหน้าที่ ตม. ก็สามารถเช็คได้ทุกอย่างเลย อีกอย่างพอถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองไม่ต้องรอสแตมป์ passport นะคะ ไม่มีหลังตรวจเสร็จเจ้าหน้าที่ให้ผ่าน เราเดินออกมาได้ทันที

การจะทำวีซ่านักเรียนต้องหาข้อมูลก่อนเลยค่ะว่าเราอยากมาเรียนที่ไหน ประเทศที่ให้เราไปเรียนภาษาอังกฤษและใช้ชีวิตมีอยู่เยอะมากๆ ต้องทำการบ้านสำรวจความต้องการตัวเองก่อนเลยอันดับแรก ถ้าต้องเน้นเรียนอย่างเดียวการมาออสเตรเลียอาจจะไม่ได้เหมาะสมเท่าไร และถ้าเน้นเรียนชิวๆใช้ชีวิต อาจจะมีทำงานบ้าง แคนาดา อเมริกา อังกฤษ อาจจะไม่ตอบโจทย์ พอเราสำรวจความต้องการตัวเองแล้ว ก็มาสำรวจงบประมาณที่เรามีว่าพอจะไปที่ไหนได้บ้าง ออสเตรเลียตอบโจทย์มากๆสำหรับน้องๆที่ทุนเรียนไม่ได้เยอะ ให้สิทธิ์น้องๆได้ลองทำงาน part-time ได้ลองใช้ชีวิต ถึงขึ้นตอนนี้เรารู้แล้วว่าต้องไปต่อยังไง ทีนี้ก็เริ่มหาเอเจ้นได้เลย น้องๆต้องเลือกเอเจ้นที่มีใบประกอบวิชาชีพนะคะ คือมีเลข QEAC ได้รับการรับรองจากประเทศออสเตรเลีย จะได้ไม่เวลาและเสียใจว่าเราเลือกเอเจ้นผิด

งานหาไม่ยากค่ะ แต่ต้องมีความกล้าแสดงออก มันจะมีเว็บไซต์เอาไว้สมัครงาน หรือเพื่อนๆแนะนำงานกันมา หรือหาในเว็บไซต์ของคนไทย ส่วนบ้านช่วงนี้จะค่อยข้างหายากเพราะค่าบ้านแพง แต่หลักๆแล้วเราจะหาตาม website แชร์บ้านต่างๆไม่ว่าจะเป็น student.com, flatmate, real estate.com, domain หรือกลุ่มเฟสบุ้คบ้านคนไทยต่างๆ

ปกติจะรอผลวีซ่านานค่ะ เวลาก็ประมาน 1-3 เดือน แต่ในเว็บไซต์รัฐบาลจะบอกว่าอยู่ที่ 90 วัน แต่ช่วงนี้จะเร็วขึ้นซึ่งการพิจารณาวีซ่าโดยทั่วไปตอนนี้คือประมาน 14 วันรู้ผล ระยะเวลาจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆอันนี้ขึ้นลงตลอดต้องมั่นอัพเดทในเว็บไซต์หรือถามเอเจ้นของน้องๆได้เลย

เลเวลโรงเรียนไม่ได้มีผลต่อการยื่นวีซ่าเลยค่ะ ส่วนใหญ่แล้วโปรไฟล์ผู้สมัครต่างหากที่เป็นตัวตัดสินว่าจะได้วีซ่าไหม ตลอดระยะเวลาการทำงานเอเจ้นใน iCan พี่ยังไม่เคยเห็นจดหมายปฏิเสธว่าเลือกโรงเรียนเลเวลสามเลยไม่ผ่าน เพราะฉะนั้นมั่นใจได้ หน้าที่เราคือพัฒนาตัวเองให้คู่ควรกับการมาเรียนต่อ

ไม่เสี่ยงค่ะ ยื่นได้ปกติ แต่ต้องบอกให้เจ้าหน้าที่รู้ว่าถูกปฏิเสธวีซ่าอะไร จากประเทศไหนมา

GTE ย่อมาจากคำว่า Genuine Temporary of Entrant
Genuine คือ จริง ความจริง
Temporary คือ ชั่วคราว
Entrant คือ เข้า
คือการขอเข้าประเทศชั่วคราวนั้นเอง จดหมายนี้จะชี้ชะตาเรารองลงมาจากโปรไฟล์เลยก็ว่าได้ ว่าจะได้วีซ่าเข้าประเทศหรือปล่าว ถ้าโปรไฟล์ไม่ดี บวก GTE ก็ไม่ชัดน้องๆมีสิทธิ์ถูกปฏิเสธวีซ่าได้ค่ะ

Letter of Offer จะแจกแจงรายละเอียดของคอร์สเรียน ระยะเวลาเริ่มต้นจนจบคอร์สเรียน คอร์สเรียนชื่ออะไร บวกกับค่าใช้จ่ายที่เราต้องจ่ายทั้งหมด

CoE คือ Comfirmation of Enrolment หนังสือรับรองว่าเราทำการจ่ายเงินค่าคอร์สเรียนแล้ว หนังสือตัวนี้สำคัญมากถ้ายังไม่ได้รับแสดงว่าเอเจ้นยังไม่ได้ทำการจ่ายเงินค่าเรียนให้เรา และเราจะไม่สามารถยื่นวีซ่าได้ถ้าไม่มี CoE เพราะฉะนั้นเช็คดีๆนะคะ